ก้าวสู่การเป็นองค์กรชั้นนำ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
มุ่งเน้นคุณภาพที่เหนือกว่า มาตรฐานสากล
เสริมสร้าง พันธมิตรที่แข็งแกร่ง
เสริมสร้างฐานลูกค้า และการเติบโตทางธุรกิจ




เกี่ยวกับ เอส.พี.เอส.
บริษัท เอส.พี.เอส. อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้กับแบรนด์ดังระดับโลก
ที่ประสบความสำเร็จด้านการผลิตเฟอร์นิเจอร์บ้าน และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ด้วยนวัตกรรมและการออกแบบที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังมีคุณภาพสูง ดีไซน์โดดเด่นทันสมัย มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดวางรูปแบบของที่ทำงานและอุปกรณ์ให้เหมาะสม สะดวก ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ


วิสัยทัศน์
เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการเป็นอยู่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พันธกิจ
เราใส่ใจในการพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่ดี ผ่านนวัตกรรมและการออกแบบที่ทันสมัย

คุณสิน เสริมประภาศิลป์ ก่อตั้ง หจก. ส. ประภาศิลป์ ผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์ โดยใช้วัสดุเป็นไม้อัดปิดผิวด้วยแผ่นโฟเมก้าหรือหุ้มด้วยหนังเทียม

หจก. ส. ประภาศิลป์ ผลิตตู้วางโทรทัศน์และตู้ลำโพงรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยโดยผลิตให้กับบริษัทชั้นนำหลายแบรนด์ ที่จำหน่ายในประเทศไทย เช่น Hitachi ธานินทร์ Toshiba และ Mitsubishi

หจก. ส. ประภาศิลป์ เริ่มผลิตเฟอร์นิเจอร์ Knock-Down รายแรกของประเทศไทย

ก่อตั้งแบรนด์ “Techna” โดยมีโชว์รูม 6 แห่ง และตัวแทนจัดจำหน่ายกว่า 200 รายทั่วประเทศ

เปลี่ยนชื่อจาก หจก. ส. ประภาศิลป์ เป็น บริษัท เอส.พี.เอส. โคออพเพอเรท จำกัด โดยย้ายโรงงานมาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการส่งออก จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นรายแรกของประเทศ

เริ่มธุรกิจกับ Ikea ประเทศสวีเดน ส่งออกไปในหลายประเทศ

เริ่มผลิตชุดลำโพงเครื่องเสียงและชั้นวางให้กับแบรนด์ Sony ขายทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ

ผลิตชั้นวางโทรทัศน์แบรนด์ Sony และผลิตชุดลำโพง เครื่องเสียง Pioneer ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

24 มิถุนายน 2546 ก่อตั้งบริษัท เอส.พี.เอส. อินเตอร์เทค จำกัด

ขยายกำลังการผลิตโดยสร้างอาคารผลิต และวางไลน์เครื่องจักรอัตโนมัติ ควบคุมกระบวนการผลิตด้วยระบบคอมพิวเตอร์และสร้างอาคารคลังสินค้าใหม่

ก่อตั้งแบรนด์ “Modar” สำหรับรองรับงานโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ

6 มกราคม 2565 แปรสภาพเป็นบริษัท เอส.พี.เอส. อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) เตรียมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คณะกรรมการบริษัท

รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์
ประธานกรรมการบริษัท / กรรมการอิสระ

ผศ.ดร.ปิยะ งามเจริญมงคล
กรรมการ / กรรมการอิสระ

นายรักหนึ่ง พหลโยธิน
กรรมการ / กรรมการอิสระ

นายวีรศักดิ์ เสริมประภาศิลป์
กรรมการ

ดร.อรพินท์ เสริมประภาศิลป์
กรรมการ

นายกีรติ เสริมประภาศิลป์
กรรมการ

นายวรพจน์ เสริมประภาศิลป์
กรรมการ
เทคนิคของเรา

Cutting - เทคนิคการตัดไม้
เราใช้เครื่องจักรในการตัดไม้ ระบบอัตโนมัติจากประเทศเยอรมัน เพื่อให้เกิดความแม่นยำของขนาดไม้ตามที่ต้องการในแต่ละรูปแบบผลิตภัณฑ์ ในปริมาณครั้งละมากๆ มีประสิทธิภาพสูงในการตัดไม้ โดยไม่ให้เหลือเศษของการใช้งาน

Lamination - เทคนิคการปิดผิว
เครื่องจักรปิดผิวอัตโนมัติจากประเทศเยอรมันสามารถปิดผิวทั้งด้านเดียว ( Single Side ) หรือปิดผิวสองด้าน ( Double Side ) ด้วยความรวดเร็ว สวยงาม ไม่มีรอยยับและสภาพผิวคงทนต่อการใช้งาน

Wrapping - เทคนิคการห่อชิ้นงาน
เป็นการลงทุนเครื่องจักรจากประเทศเยอรมันแห่งเดียวในเอเชีย ระบบอัตโนมัติครบวงจรในทุกกระบวนการผลิต เราสามารถห่อชิ้นงานได้ทั้งชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่ ทั้งความกว้างและความยาวตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ ไร้รอยต่อของเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น เพื่อให้เกิดความสวยงามและคงทนต่อการใช้งาน

Board on Frame - เทคนิคของการผลิตชิ้นงาน
น้ำหนักเบาเป็นเทคนิคเฉพาะของบริษัทเราเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรงและสวยงามสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการประกอบและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์สำหรับลูกค้า

Edge Banding - เทคนิคการปิดขอบไม้
เป็นการปิดขอบไม้เพื่อความสวยงามและคงทน สามารถกันความชื้นและป้องกันการขึ้นราของชิ้นงาน เราปิดขอบไว้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติมาตราฐานสูง ด้วยความชำนาญของการผลิตมากกว่า 55 ปี

Drilling - เทคนิคการเจาะ
หัวใจสำคัญของเฟอร์นิเจอร์น๊อคดาวน์ (Knock down) คือการประกอบแล้วให้ได้เฟอร์นิเจอร์ที่สวยงาม ความแม่นยำของระยะห่างรูเจาะแต่ละจุด ความลึก ความกว้างของรูเจาะมีความสำคัญมาก เราใช้เครื่องเจาะอัตโนมัติที่ทันสมัยจากประเทศเยอรมัน ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง การเจาะทุกชิ้นงานรับประกันคุณภาพสำหรับลูกค้าของเรา
พื้นที่ปฏิบัติการ
ตารางเมตร
โรงงานผลิต 64,335 ตารางเมตร
คลังสินค้า 15,665 ตารางเมตร
อัตราการผลิต
ปัจจัยที่สำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเรา คือ การวางแผนและการควบคุมการผลิต
ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว เราควบคุมทรัพยากรการผลิตให้สามารถดำเนินการผลิตให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมถึงเรายังมีระบบการควบคุมเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวสารล่าสุด
รางวัลและความสำเร็จ
ISO 9001 Quality Management Systems

ISO 14001 Environmental Management

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 14001 เมื่อปี พ.ศ. 2551 เป็นการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในองค์กรเพื่อเพิ่มสมรรถนะสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร และเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผู้ผลิตสินค้าและให้บริการ และดำเนินการภายใต้มาตรฐานสากล ISO 14001 มาตรฐานลูกค้า ตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดขององค์กร โดยกำหนดเป็น “นโยบายสิ่งแวดล้อม” ขององค์กรจะแสดงความรับผิดชอบต่อ พนักงาน ชุมชน สังคม ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยความมุ่งมั่น ดังนี้
- ปฏิบัติให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ขององค์กร และบริบทขององค์กร รวมถึง ลักษณะ ขนาด และผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อมของกิจกรรม ผลิตภัณฑ์และบริการ
- พัฒนาและรักษาวิธีการประเมินการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการกำหนด และทบทวนวัตถุประสงค์ เป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตระหนักถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อม การป้องกันมลพิษ รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
- ตระหนักถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมของลูกค้า หน่วยงานราชการ และท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม
- ตระหนักถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงระบบการบริหารสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มา ซึ่งสมรรถนะสิ่งแวดล้อม
- ดำเนินการสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อม ให้พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียรวมถึงสาธารณะชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
ISO 50001 Energy Management

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 50001 เมื่อปี พ.ศ. 2564 เป็นการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพลังงานในองค์กรช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด และลดต้นทุนลงการปรับประสิทธิภาพในการผลิตสินค้า รวมถึงการ ยึดแนวทางการจัดทำระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 โดยกำหนดเป็น “นโยบายพลังงาน” ขององค์กร ที่มุ่งเน้นและตระหนัก ดังนี้
- บริษัทฯ มุ่งหวังปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกๆกระบวนการโดยให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่ใช้งานและสอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
- บริษัทฯ ถือว่าการอนุรักษ์พลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน จึงได้จัดสรรงบประมาณ ทรัพยากรและข้อมูลสารสนเทศ ต่างๆอย่างเพียงพอเพื่อพนักงานทุกคนรับทราบและพึงปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
- บริษัทฯ มุ่งมั่นจัดทำระบบจัดการพลังงานให้เป็นมาตรฐาน โดยรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงาน การจัดทำฐานพลังงาน และประเมินศักยภาพการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อกำหนดวิธีการดำเนินงาน การตรวจสอบ และการประเมินผล อย่างถูกต้อง
- บริษัทฯ ให้การสนับสนุนการออกแบบ จัดซื้อจัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์การผลิตและบริการอื่นๆที่จำเป็น เพื่อการปรับปรุงสมรรถนะพลังงานที่ยั่งยืนต่อไป
- ผู้บริหารและคณะทำงานด้านพลังงานจะทบทวนวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และแผนการดำเนินงานเป็นประจำทุกๆ ปี เพื่อพัฒนาระบบการจัดการพลังงานต่อไป
ISO 28000 Specification for Security Management Systems for the Supply Chain

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 28000 เมื่อปี พ.ศ. 2561 เป็นการจัดการที่เกี่ยวข้องกับ การจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับห่วงโซ่อุปทาน โดยกำหนดวิธีปฏิบัติในการจัดการความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร ตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดขององค์กร โดยกำหนดเป็น “นโยบายด้านรักษาความปลอดภัย” ขององค์กร “ที่มุ่งเน้นและตระหนักในการจัดทำมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของลูกค้า กฎหมายระหว่างประเทศ และสอดคล้องกับข้อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของสินค้าที่มีการผลิต และบรรจุ เพื่อส่งไปยังต่างประเทศ ตลอดห่วงโซ่อุปทานการผลิต การบรรจุและจัดส่งสินค้า โดยมีจุดประสงค์ในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการสูญเสีย การโจรกรรม การลักลอบสินค้าต้องห้าม ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้มีผู้ก่อการร้ายและการนำวิธีก่อการร้ายเข้าไปแอบแฝงในห่วงโซ่อุปทานการผลิต และจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้า”
C-TPAT Security Assessment

SMETA (Sedex Members Ethical Trade Audit)

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน Sedex Members Ethical Trade Audit หรือ SMETA เมื่อปี พ.ศ. 2564 เป็นการปฎิบัติตามนโยบายด้านความรับผิดชอบทางสังคม และจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นที่พึงงพอใจต่อลูกค้า ด้วยกระบวนการ วิธีการทำงานที่มีความปลอดภัยต่อพนักงานและสิ่งแวดล้อม โดยการดำเนินการตรวจสอบในด้าน
- มาตรฐานด้านแรงงาน
- มาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขภาพ
- ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
- จรรยาบรรณทางธุรกิจ
FSC- CoC Forest Management System

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน FSC COC เมื่อปี พ.ศ. 2557 เป็นการจัดการด้านป่าไม้ ที่มีการดำเนินงานตามมาตรฐานที่ครอบคลุม การใช้ไม้ที่ถูกกฎหมาย เพื่อมาผลิตเป้นสินค้า ต้องได้รับการรับรองตามระบบ มีระบบการรับรองกระบวนการปลูก จนถึงกระบวนการตัดส่งเข้าโรงงาน รวมถึง กระบวนการทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ ซึ่งองค์กรนำมากำหนดเป็น “นโยบาย FSC COC” ขององค์กร
มีความมุ่งมั่นในการที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม หรือส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมดังต่อไปนี้
- การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติ
- การละเมิดสิทธิมนุษยชน และขนบธรรมเนียมประเพณี
- การทำลายพื้นที่อนุรักษ์
- การปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าธรรมชาติมาทำการเกษตร
- การใช้พื้นที่ GMO
- การละเมิดกฎหมายแรงงาน
และจะควบคุมดูแลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสอดคล้อง ตามหลักอาชีวอนามัย แก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง
Green Industry วัฒนธรรมสีเขียว

บริษัท เอส.พี.เอส.อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 4 ในปี พ.ศ.2564 ซึ่งยึดมั่นในการปรับปรุงกระบวนการผลิต และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ยึดเป็นวัฒนธรรมสีเขียว ซึ่งองค์กรมีความมุ่งมั่น และมีกระบวนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึง มีการดำเนินการตามแนวทาง 7 ประการ ของมาตรฐาน ISO 26000 เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
CSR-DIW

บริษัทฯ ได้รับรางวัลโครงการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2555 และดำเนินการ ประเภท CSR-DIW Continuous Award ตั้งแต่ปี 2556 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 10 ปี แสดงถึงการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมุ่งพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
Carbon Footprint for Organization (CFO)

การจัดการความยั่งยืน
บริษัทฯ กำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจเพื่อภารกิจสู่เป้าหมายการเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการเป็นอยู่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยบริษัทฯ ใส่ใจในการพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมที่ดี ผ่านนวัตกรรมซึ่งบริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะเติบโตไปอย่างยั่งยืน พร้อมดำเนินกิจการบนพื้นฐานการคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการกำหนดในนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อนำไปสู่ประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่พนักงาน ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า ชุมชน และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ